สุขภาพหู ดูแลให้ถูกวิธี ส่งผลดีต่อการได้ยิน
ในชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบัน เราใช้หูทำงานหนักกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นการใส่หูฟังตลอดทั้งวัน การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง หรือการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้ “หู” จะเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เราสื่อสารและรับรู้โลกใบนี้ หลายคนกลับมองข้ามการดูแลสุขภาพหู เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่ส่งผลร้ายแรงในทันที
ปัญหาสุขภาพหูมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก ทำให้หลายคนละเลยการป้องกันและการตรวจสุขภาพ จนกระทั่งเริ่มมีอาการหูอื้อ ได้ยินไม่ชัด หรือสูญเสียการได้ยินโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงเวลานั้น การรักษาอาจทำได้ยากและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว การหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพหูตั้งแต่วันนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
สุขภาพหู ดูแลให้ถูกวิธี ส่งผลดีต่อการได้ยินในระยะยาว
“หู” เป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เราได้ยินเสียง สื่อสาร และรับรู้สิ่งรอบตัว แต่หลายคนกลับมองข้ามการดูแลสุขภาพหู จนกระทั่งเริ่มมีอาการหูอื้อ ได้ยินไม่ชัด หรือสูญเสียการได้ยินโดยไม่รู้ตัว การดูแลหูอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหู และช่วยรักษาการได้ยินให้ใช้งานได้ดีไปอีกยาวนาน
1. หลีกเลี่ยงการแคะหูด้วยของแข็ง
หลายคนเข้าใจผิดว่าการแคะหูจะช่วยให้หูสะอาด แต่ในความเป็นจริง ขี้หูมีหน้าที่สำคัญ คือช่วยดักจับฝุ่น สิ่งสกปรก และเชื้อโรค ไม่ให้เข้าไปลึกถึงแก้วหู การใช้ไม้แคะหู กิ๊บ หรือของแข็งอื่นๆ แคะเข้าไปในช่องหู อาจทำให้
- ขี้หูถูกดันลึกเข้าไป เกิดการอุดตัน
- ผิวหนังในช่องหูเกิดบาดแผล เสี่ยงติดเชื้อ
- แก้วหูฉีกขาด ทำให้การได้ยินลดลงอย่างถาวร
วิธีที่ถูกต้อง คือทำความสะอาดเฉพาะบริเวณใบหูด้านนอก หากรู้สึกว่ามีขี้หูอุดตัน หรือได้ยินไม่ชัด ควรให้แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
2. ลดการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน
เสียงดังเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของ ภาวะหูตึงและการสูญเสียการได้ยิน โดยเฉพาะเสียงที่ดังต่อเนื่อง เช่น
- เสียงเครื่องจักร
- เสียงดนตรีจากคอนเสิร์ต
- การใช้หูฟังด้วยระดับเสียงดังเป็นเวลานาน
เมื่อหูต้องรับเสียงดังมากเกินไป เซลล์ประสาทหูจะถูกทำลาย และ ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ ส่งผลให้ได้ยินลดลงแบบถาวร
คำแนะนำ
- ปรับระดับเสียงหูฟังไม่เกิน 60%
- ใช้หูฟังไม่เกินครั้งละ 60 นาที
- พักหูเป็นระยะ หากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
3. ใช้ที่อุดหูเมื่ออยู่ในสถานที่เสียงดัง
สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นประจำ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ไซต์ก่อสร้าง งานอีเวนต์ หรือคอนเสิร์ต การใช้ ที่อุดหูหรืออุปกรณ์ป้องกันเสียง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ที่อุดหูจะช่วย
- ลดระดับความดังของเสียงที่เข้าสู่หู
- ป้องกันความเสียหายของประสาทหู
- ลดความเสี่ยงของอาการหูอื้อและหูตึงในระยะยาว
ควรเลือกที่อุดหูที่ได้มาตรฐาน สวมใส่ให้ถูกวิธี และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
4. ตรวจสุขภาพหูเป็นระยะ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
การตรวจสุขภาพหูและการได้ยินเป็นประจำ ช่วยให้สามารถค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่อาการจะรุนแรงหรือแก้ไขได้ยาก
กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจหูอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- เด็กเล็ก
- ผู้ที่ทำงานในที่มีเสียงดัง
- ผู้ที่มีอาการหูอื้อ เวียนศีรษะ หรือได้ยินไม่ชัด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
การตรวจสุขภาพหูอาจรวมถึง
- การตรวจช่องหูและแก้วหู
- การทดสอบการได้ยิน (Hearing Test)
- การประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพหูโดยแพทย์เฉพาะทาง
สุขภาพหูเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม การดูแลหูอย่างถูกวิธี ไม่แคะหู ลดเสียงดัง ใช้อุปกรณ์ป้องกัน และตรวจสุขภาพหูอย่างสม่ำเสมอ จะช่วย รักษาการได้ยินให้ชัดเจน มีคุณภาพชีวิตที่ดี และลดความเสี่ยงการสูญเสียการได้ยินในอนาคต