โรคอึเต็มท้อง เด็กชอบอั้นต้องระวัง
ภาวะอุจจาระค้างในลำไส้ หรือที่หลายคนเรียกว่า “อึเต็มท้อง” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กวัยเรียนและเด็กเล็กที่เริ่มควบคุมการขับถ่ายเอง เด็กหลายคนมีพฤติกรรมกลั้นอุจจาระเพราะกลัวเจ็บ ไม่อยากเข้าห้องน้ำ หรือไม่คุ้นเคยกับห้องน้ำนอกบ้าน เมื่อกลั้นอุจจาระบ่อยครั้ง อุจจาระจะค้างสะสมอยู่ในลำไส้ใหญ่ ทำให้มีลักษณะแข็งและขับถ่ายได้ยาก ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารและสุขภาพโดยรวมของเด็กในระยะยาว
ภาวะอุจจาระค้างเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อเด็กไม่ขับถ่ายตามสัญญาณของร่างกาย ลำไส้จะดูดน้ำจากอุจจาระกลับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ทำให้อุจจาระแห้ง แข็ง และมีขนาดใหญ่ เด็กจะยิ่งรู้สึกเจ็บเมื่อต้องขับถ่าย จึงยิ่งกลั้นมากขึ้น กลายเป็นวงจรซ้ำซ้อนที่ทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สาเหตุที่พบบ่อย
- ท้องผูกเรื้อรัง
- กลั้นอุจจาระเป็นประจำ
- ขับถ่ายผิดท่า หรือใช้เวลาขับถ่ายไม่เหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย
- ดื่มน้ำน้อย
- ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย
เช็กอาการ ลูกน้อยเสี่ยงอุจจาระค้าง
เด็กที่มีภาวะอุจจาระค้างมักแสดงอาการหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่
- ถ่ายยาก ถ่ายไม่สุด หรือถ่ายไม่สม่ำเสมอ
- ปวดท้องเป็นพักๆ ลักษณะบีบรัด
- แน่นท้อง ท้องอืด มีแก๊สในช่องท้องมาก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร กินได้น้อย น้ำหนักขึ้นช้า
- เรอหรือผายลมมีกลิ่นเปรี้ยว
- ในบางรายอาจมีอาการอึดอัด หายใจไม่สะดวกจากท้องที่อืดแน่น
หากเด็กมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
หากปล่อยไว้นาน จะเกิดอะไรขึ้น
การปล่อยให้มีอุจจาระค้างในลำไส้นานๆ อาจทำให้ลำไส้ขยายตัว กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานลดลง เด็กอาจสูญเสียความรู้สึกอยากถ่าย และเสี่ยงต่อการท้องผูกเรื้อรัง รวมถึงอาจเกิดแผลบริเวณทวารหนัก ทำให้เด็กกลัวการขับถ่ายมากขึ้น
วิธีป้องกันภาวะอุจจาระค้างในเด็ก
การป้องกันสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและการดูแลในชีวิตประจำวัน ดังนี้
- ฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำเป็นเวลา โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร และไม่กลั้นอุจจาระ
- สอนท่านั่งขับถ่ายที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ส่งเสริมให้เด็กเคลื่อนไหวและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ลดอาหารที่ทำให้ท้องผูก เช่น ขนมหวาน อาหารแปรรูป และแป้งขัดขาว
- สำหรับทารก นมแม่ช่วยให้ลูกขับถ่ายดี ลดโอกาสเกิดท้องผูก
เมื่อไรควรพาเด็กไปพบแพทย์
ควรพาเด็กไปพบแพทย์หากมีอาการท้องผูกต่อเนื่องหลายวัน ปวดท้องรุนแรง อาเจียนบ่อย น้ำหนักไม่ขึ้น หรือมีเลือดปนในอุจจาระ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
ภาวะอุจจาระค้างในเด็กเป็นปัญหาที่ป้องกันได้ หากผู้ปกครองใส่ใจพฤติกรรมการขับถ่าย อาหาร และการใช้ชีวิตของลูกอย่างเหมาะสม การดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้เด็กมีระบบขับถ่ายที่ดี ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในระยะยาว และช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง