โรคกระดูกพรุน รู้ได้จากการตรวจมวลกระดูก
ในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยภาระหน้าที่ ทั้งงานที่ต้องเร่งให้ทันเวลา การดูแลครอบครัว หรือแม้แต่การเดินทางที่ยาวนาน หลายคนอาจเผลอมองข้ามสุขภาพของตัวเองโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเรื่องของ “กระดูก” ที่มักถูกละเลยเพราะไม่ค่อยมีอาการเตือนให้เห็นชัดเจน พฤติกรรมง่ายๆ อย่างการนั่งทำงานนานๆ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ดื่มนมน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือทานอาหารที่แคลเซียมต่ำ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้กระดูกค่อยๆ อ่อนแอลงทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว จนกว่าอาการจะรุนแรง หรือเกิดกระดูกหักขึ้นมาแล้ว จึงจะเริ่มหันกลับมาสนใจสุขภาพกระดูกอย่างจริงจัง
โรคกระดูกพรุน รู้เร็ว ป้องกันได้ ก่อนจะสายเกินไป
โรคกระดูกพรุนเป็น ภัยเงียบที่แฝงอยู่ในร่างกาย เพราะแทบไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เลยในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากระดูกกำลังบางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิด “กระดูกหัก” จึงพบโรคเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเมื่อเกิดการหักบริเวณ กระดูกสันหลัง ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง เดินหลังงอ ตัวเตี้ยลง หรือหลังโก่งจนสังเกตได้ชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน คุณภาพชีวิต และความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างมาก
โรคกระดูกพรุนเกิดจากอะไร?
โรคกระดูกพรุนเกิดจาก มวลกระดูกลดลง และ ความแข็งแรงของกระดูกเสื่อมลง จนทำให้กระดูกเปราะ แตกหักง่าย สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
- อายุที่มากขึ้น
- ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน
- การได้รับแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ
- ไม่ออกกำลังกาย
- การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์มาก
- พันธุกรรมหรือโรคประจำตัวบางชนิด
สัญญาณอันตรายที่อาจบ่งชี้โรคกระดูกพรุน
แม้จะไม่มีอาการชัดเจน แต่เมื่อเริ่มแสดงอาการ มักมีลักษณะดังนี้
- ปวดหลังเรื้อรัง
- ส่วนสูงลดลง
- หลังค่อม หลังโก่ง
- กระดูกหักง่าย แม้เกิดจากอุบัติเหตุเล็กน้อย
ตรวจมวลกระดูก รู้ก่อน ป้องกันได้
การตรวจมวลกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) เป็นวิธีที่ แม่นยำที่สุด ในการประเมินภาวะโรคกระดูกพรุน โดยจะช่วยให้แพทย์รู้ว่า
- มวลกระดูกอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่
- มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักแค่ไหน
- ควรเริ่มการรักษาหรือปรับพฤติกรรมอย่างไร
การตรวจนี้เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงหลังวัยทอง
- ผู้ที่มีกระดูกหักจากอุบัติเหตุเล็กน้อย
- ผู้ใช้ยาสเตียรอยด์นานๆ
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
ป้องกันโรคกระดูกพรุนเริ่มได้วันนี้
- รับประทานแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก เช่น เดินเร็ว วิ่งช้า เต้น
- หลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์
- ตรวจมวลกระดูกอย่างสม่ำเสมอเพื่อประเมินความเสี่ยง