Bangpakok Hospital

โรคเบาหวาน รู้เร็วปลอดภัยกว่า

12 ธ.ค. 2568

ในยุคที่การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแข่งกับเวลา การเดินทางที่ยาวนาน หรือการดูแลครอบครัว หลายคนอาจเผลอละเลยสุขภาพของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมง่ายๆ อย่างการดื่มน้ำหวานเพิ่มพลัง การกินอาหารจานด่วนเพราะสะดวก หรือการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ กลายเป็นปัจจัยสะสมที่ส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว หนึ่งในโรคเงียบที่ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “โรคเบาหวาน” ซึ่งสามารถค่อยๆ พัฒนาโดยไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่เมื่อเริ่มแสดงสัญญาณแล้ว มักหมายความว่าร่างกายกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างจริงจัง

การรู้ทันอาการเริ่มต้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะ ยิ่งตรวจพบเร็ว ก็ยิ่งควบคุมได้ง่าย ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งโรคหัวใจ ไตวาย ตาบอด หรือแผลเรื้อรังที่รักษายาก

โรคเบาหวานรู้เร็ว ปลอดภัยกว่า

เพราะสัญญาณเล็ก ๆ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคใหญ่

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือใช้อินซูลินได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกช่วงอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่มักเริ่มจาก “อาการเล็ก ๆ” ที่เรามักเผลอมองข้าม

การรู้เท่าทันอาการเตือนตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมาก เพราะเบาหวานคือโรคที่สามารถควบคุมได้ หากตรวจพบเร็วและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

 

อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

1. กระหายน้ำมากผิดปกติ

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามดึงของเหลวออกจากเนื้อเยื่อเพื่อเจือจางน้ำตาล ทำให้เกิดการ “กระหายน้ำตลอดเวลา” ดื่มน้ำเท่าไรก็ไม่หาย หลายคนอาจรู้สึกคอแห้งตลอดวัน ดื่มน้ำถี่ขึ้น หรือพกน้ำติดตัวตลอดเวลา

2. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน

น้ำตาลในเลือดสูงทำให้ไตต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดน้ำตาลส่วนเกิน จึงขับออกทางปัสสาวะ
บางคนต้องเข้าห้องน้ำกลางคืน 2–4 ครั้ง รบกวนการนอน และทำให้เพลียในตอนเช้า

3. น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้ตั้งใจลด

เมื่อเซลล์ของร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน ทำให้น้ำหนักลดลงเร็วมาก เป็นการลดน้ำหนักที่ดู “ผิดปกติ” คือ ไม่ค่อยหิว แต่ตัวกลับผอมลงเรื่อยๆ

4. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

ระดับน้ำตาลสูงทำให้เซลล์ไม่ได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ ผู้ป่วยจึงรู้สึกหมดแรง ขาดเรี่ยวแรง ง่วงง่าย ทำงานได้น้อยลง และบางรายมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย

5. แผลหายช้ากว่าปกติ

ถือเป็นหนึ่งในอาการสำคัญของผู้ป่วยเบาหวาน ระดับน้ำตาลสูงทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ภูมิคุ้มกันลดลง ส่งผลให้แผล even แผลเล็กๆ ใช้เวลานานมากกว่าจะหายและง่ายต่อการติดเชื้อ

เข้าใจโรคเบาหวานให้ลึกขึ้น — ไม่ใช่แค่น้ำตาลสูง

โรคเบาหวานแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่

1) เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน มักพบในเด็กและวัยรุ่น

2) เบาหวานชนิดที่ 2 พบมากที่สุด (กว่า 90%) มักเกิดจากกรรมพันธุ์ร่วมกับการใช้ชีวิต เช่น น้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย

3) เบาหวานขณะตั้งครรภ์ พบในหญิงตั้งครรภ์และมีผลต่อทารกหากไม่ได้รับการควบคุมที่ดี

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงสูง?

  • คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน/น้ำหนักเกิน
  • ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
  • ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง
  • ผู้หญิงที่เคยมีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป

แม้ไม่มีอาการก็ควรตรวจเป็นประจำ เพราะหลายคนเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวนานหลายปี

 

ถ้าไม่รักษา… ภาวะแทรกซ้อนอาจรุนแรงกว่าที่คิด

เบาหวานไม่ได้มีแค่ “น้ำตาลสูง” แต่ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญทั่วร่างกาย เช่น

  • โรคไตเรื้อรัง
  • เส้นเลือดตีบ
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตาพร่ามัว ต้อกระจก ตาบอด
  • ชาปลายมือปลายเท้า
  • แผลเรื้อรังจนถึงขั้นต้องตัดอวัยวะ

หลายกรณีเกิดขึ้นโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นเบาหวานมานานแล้ว




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.