โรคเบาหวาน รู้เร็วปลอดภัยกว่า
ในยุคที่การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแข่งกับเวลา การเดินทางที่ยาวนาน หรือการดูแลครอบครัว หลายคนอาจเผลอละเลยสุขภาพของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมง่ายๆ อย่างการดื่มน้ำหวานเพิ่มพลัง การกินอาหารจานด่วนเพราะสะดวก หรือการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ กลายเป็นปัจจัยสะสมที่ส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว หนึ่งในโรคเงียบที่ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “โรคเบาหวาน” ซึ่งสามารถค่อยๆ พัฒนาโดยไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่เมื่อเริ่มแสดงสัญญาณแล้ว มักหมายความว่าร่างกายกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างจริงจัง
การรู้ทันอาการเริ่มต้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะ ยิ่งตรวจพบเร็ว ก็ยิ่งควบคุมได้ง่าย ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งโรคหัวใจ ไตวาย ตาบอด หรือแผลเรื้อรังที่รักษายาก
โรคเบาหวานรู้เร็ว ปลอดภัยกว่า
เพราะสัญญาณเล็ก ๆ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคใหญ่
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือใช้อินซูลินได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกช่วงอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่มักเริ่มจาก “อาการเล็ก ๆ” ที่เรามักเผลอมองข้าม
การรู้เท่าทันอาการเตือนตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมาก เพราะเบาหวานคือโรคที่สามารถควบคุมได้ หากตรวจพบเร็วและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
1. กระหายน้ำมากผิดปกติ
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามดึงของเหลวออกจากเนื้อเยื่อเพื่อเจือจางน้ำตาล ทำให้เกิดการ “กระหายน้ำตลอดเวลา” ดื่มน้ำเท่าไรก็ไม่หาย หลายคนอาจรู้สึกคอแห้งตลอดวัน ดื่มน้ำถี่ขึ้น หรือพกน้ำติดตัวตลอดเวลา
2. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
น้ำตาลในเลือดสูงทำให้ไตต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดน้ำตาลส่วนเกิน จึงขับออกทางปัสสาวะ
บางคนต้องเข้าห้องน้ำกลางคืน 2–4 ครั้ง รบกวนการนอน และทำให้เพลียในตอนเช้า
3. น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแม้ไม่ได้ตั้งใจลด
เมื่อเซลล์ของร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน ทำให้น้ำหนักลดลงเร็วมาก เป็นการลดน้ำหนักที่ดู “ผิดปกติ” คือ ไม่ค่อยหิว แต่ตัวกลับผอมลงเรื่อยๆ
4. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ระดับน้ำตาลสูงทำให้เซลล์ไม่ได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ ผู้ป่วยจึงรู้สึกหมดแรง ขาดเรี่ยวแรง ง่วงง่าย ทำงานได้น้อยลง และบางรายมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย
5. แผลหายช้ากว่าปกติ
ถือเป็นหนึ่งในอาการสำคัญของผู้ป่วยเบาหวาน ระดับน้ำตาลสูงทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ภูมิคุ้มกันลดลง ส่งผลให้แผล even แผลเล็กๆ ใช้เวลานานมากกว่าจะหายและง่ายต่อการติดเชื้อ
เข้าใจโรคเบาหวานให้ลึกขึ้น — ไม่ใช่แค่น้ำตาลสูง
โรคเบาหวานแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่
1) เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน มักพบในเด็กและวัยรุ่น
2) เบาหวานชนิดที่ 2 พบมากที่สุด (กว่า 90%) มักเกิดจากกรรมพันธุ์ร่วมกับการใช้ชีวิต เช่น น้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย
3) เบาหวานขณะตั้งครรภ์ พบในหญิงตั้งครรภ์และมีผลต่อทารกหากไม่ได้รับการควบคุมที่ดี
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงสูง?
- คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน/น้ำหนักเกิน
- ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง
- ผู้หญิงที่เคยมีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
แม้ไม่มีอาการก็ควรตรวจเป็นประจำ เพราะหลายคนเป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัวนานหลายปี
ถ้าไม่รักษา… ภาวะแทรกซ้อนอาจรุนแรงกว่าที่คิด
เบาหวานไม่ได้มีแค่ “น้ำตาลสูง” แต่ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญทั่วร่างกาย เช่น
- โรคไตเรื้อรัง
- เส้นเลือดตีบ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- ตาพร่ามัว ต้อกระจก ตาบอด
- ชาปลายมือปลายเท้า
- แผลเรื้อรังจนถึงขั้นต้องตัดอวัยวะ
หลายกรณีเกิดขึ้นโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นเบาหวานมานานแล้ว