ภาวะไหลตาย ภัยจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในยุคที่การใช้ชีวิตเร่งรีบขึ้นเรื่อยๆ หลายคนต้องทำงานหนัก พักผ่อนน้อย และมีความเครียดสะสมจนชิน ร่างกายที่เหนื่อยล้าอาจถูกตีความว่า “แค่พักผ่อนน้อย” แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาระบบไฟฟ้าหัวใจที่กำลังแปรปรวนโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่น่ากังวลคือ ภาวะนี้อาจนำไปสู่ “ภาวะใหลตาย” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน และมักเกิดขึ้นกับคนที่ดูเหมือนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว
ภาวะใหลตายคืออะไร?
ภาวะใหลตาย หรือ Sudden Unexpected Death Syndrome (SUDS) เป็นภาวะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยหัวใจหยุดการทำงานอย่างฉับพลัน ทำให้หมดสติและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้โรคนี้อันตรายมาก คือ…
- เกิดขึ้น แบบไม่รู้ตัว
- หลายรายไม่มีอาการเตือนมาก่อน
- มักเกิดขณะหลับหรือขณะพักผ่อน
- พบใน ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พันธุกรรม โดยเฉพาะภาวะผิดปกติของโปรตีนที่ควบคุมไฟฟ้าหัวใจ เช่น Brugada Syndrome และ Long QT Syndrome
3 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ภาวะใหลตายกำเริบหรือเกิดขึ้นง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายหนักเกินขีดจำกัดของร่างกาย
การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่การฝืนร่างกายจนเกินกำลัง เช่น วิ่งเร็วเกินไป ยกน้ำหนักหนักมาก หรือออกกำลังกายต่อเนื่องทั้งที่ร่างกายอ่อนเพลีย อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง โดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมโดยไม่รู้ตัว
ออกกำลังกายที่ถูกต้องคือ “ให้หัวใจได้ทำงาน แต่ไม่ทำร้ายตัวเอง”
- พักผ่อนน้อย นอนดึกบ่อย
การนอนไม่พอทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติและคลื่นไฟฟ้าหัวใจแปรปรวน ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นช้า หรือเต้นผิดจังหวะได้ง่ายโดยเฉพาะการนอนน้อยต่อเนื่องหลายวัน เช่น
- นอนวันละ 3–5 ชั่วโมง
- ไม่มีเวลาพักผ่อนระหว่างวัน
- ทำงานกะกลางคืน
สิ่งนี้คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้หัวใจเสี่ยงต่อภาวะหยุดเต้นเฉียบพลันแบบไม่รู้ตัว
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือดื่มหนักเป็นช่วงๆ
แอลกอฮอล์มีผลโดยตรงต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยทำให้หัวใจเต้นผิดปกติง่ายขึ้น โดยเฉพาะภาวะ Atrial Fibrillation (หัวใจห้องบนสั่นพริ้ว) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง การดื่มหนักในงานสังสรรค์ หรือดื่มทุกวันหลังเลิกงาน ล้วนเพิ่มความเสี่ยงให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
ถึงแม้หลายรายจะไม่มีอาการเตือน แต่บางคนอาจมีสัญญาณเล็กๆ ที่ควรไปตรวจทันที เช่น
- ใจสั่นบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
- หน้ามืด วิงเวียน หรือเป็นลมซ้ำๆ
- เจ็บหน้าอกเป็นพักๆ
- หายใจไม่อิ่ม
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตเฉียบพลันขณะหลับ
เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การป้องกัน: ทำได้ง่ายกว่าที่คิด
- ตรวจสุขภาพหัวใจปีละครั้ง
เน้นการตรวจ
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) — คัดกรองจังหวะหัวใจ
- อัลตราซาวด์หัวใจ (Echo) — ตรวจโครงสร้างการทำงานของหัวใจ
- Holter Monitoring 24 ชม. — สำหรับผู้ที่มีอาการใจสั่นหรือหน้ามืดบ่อย
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงต่อวัน และงดทำกิจกรรมหนักก่อนเข้านอน
- ออกกำลังกายแบบพอดี หลีกเลี่ยงการฝืนร่างกายเกินไป โดยเฉพาะเวลารู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
- ลดหรืองดแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันจังหวะหัวใจแปรปรวนโดยไม่จำเป็น
- จัดการความเครียด เช่น เดินช้าๆ ทำสมาธิสั้นๆ หรือหากิจกรรมผ่อนคลายระหว่างวัน
ภาวะใหลตายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อันตราย และมักไม่มีสัญญาณเตือน แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำในยุคที่ทุกคนเร่งรีบ การหยุดเช็กสุขภาพหัวใจปีละครั้ง อาจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยชีวิตได้จริง