Bangpakok Hospital

“เวียนศีรษะ” กับ “มึนศีรษะ” ต่างกันอย่างไร

17 ต.ค. 2568

หลายคนคงเคยมีช่วงที่รู้สึก “เวียนหัว” หรือ “มึนหัว” จนต้องหยุดพักสักครู่ บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนโลกหมุน หรือบางทีก็แค่หัวเบาๆ หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดอาหาร ดื่มน้ำน้อย หรือแม้แต่ช่วงที่เครียดมากๆ

แต่รู้ไหมว่า “เวียนศีรษะ” กับ “มึนศีรษะ” จริงๆ แล้วไม่เหมือนกันเสียทีเดียว? แม้จะดูคล้ายกัน แต่สาเหตุและความรู้สึกของแต่ละแบบต่างกัน และการสังเกตอาการให้ถูกต้อง จะช่วยให้เราดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง


เวียนศีรษะ กับ มึนศีรษะ ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจเคยรู้สึก “ศีรษะไม่ปกติ” บางครั้งหมุน บางครั้งตื้อ หรือโคลงเคลง แล้วก็เรียกรวมๆ ว่า “เวียนหัว” ทั้งที่จริงๆ แล้ว อาการ “เวียนศีรษะ” (Vertigo) และ “มึนศีรษะ” (Dizziness) ไม่เหมือนกัน และเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน


อาการ “เวียนศีรษะ” (Vertigo)

ลักษณะอาการ:

  • รู้สึกเหมือน สิ่งรอบตัวหมุน หรือ ตัวเองหมุนรอบสิ่งของ
  • มักเกิดชัดเจนเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกนั่ง หรือหันศีรษะเร็ว
  • อาการอาจมาพร้อมกับ
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • เดินเซ ทรงตัวลำบาก
    • เหงื่อออกมาก
    • หูอื้อ หรือการได้ยินลดลง

สาเหตุที่พบบ่อย:

  1. โรคในหูชั้นใน (Vestibular system) – เป็นสาเหตุหลัก

    • โรคบ้านหมุนจากหินปูนในหูชั้นในหลุด (Benign Paroxysmal Positional Vertigo – BPPV)
    • โรคเมเนียร์ (Ménière’s Disease) ซึ่งมีน้ำในหูชั้นในมากเกินไป
    • การอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัว (Vestibular Neuritis)

  2. ปัญหาทางสมองส่วนการทรงตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  3. ผลข้างเคียงจากยา บางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยากันชัก ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม

แนวทางการดูแลเบื้องต้น:

  • หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะเร็วๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หากมีอาการบ้านหมุนมาก ควรนอนนิ่งๆ ในท่าที่สบาย
  • หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน ควรรีบพบแพทย์ทันที


อาการ “มึนศีรษะ” (Lightheadedness / Dizziness)

ลักษณะอาการ:

  • รู้สึก โคลงเคลง หวิว เหมือนจะเป็นลม
  • อาจรู้สึก เบลอ ตื้อ หรือหนักหัว
  • บางครั้งเกิดร่วมกับอาการ ใจสั่น หน้ามืด หรือมองภาพไม่ชัด

สาเหตุที่พบบ่อย:

1. ความดันโลหิตผิดปกติ

  • ความดันโลหิตต่ำ (โดยเฉพาะตอนเปลี่ยนท่าทาง)
  • ความดันโลหิตสูงมากจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ

2. ภาวะขาดน้ำ หรือร่างกายอ่อนเพลีย
  • ดื่มน้ำน้อย เสียเหงื่อมาก
  • อดอาหารหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

3. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • มักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ใช้ยาอินซูลินหรือยาลดน้ำตาล

4. กล้ามเนื้อตึงบริเวณต้นคอ
  • ทำให้เลือดไหลเวียนขึ้นสมองไม่สะดวก

5. ความเครียดหรือความวิตกกังวล

  • ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติแปรปรวน เกิดอาการมึนงง หวิว หรือหน้ามืด


แนวทางการดูแลเบื้องต้น:

  • ลุก-นั่ง หรือเปลี่ยนท่าช้าๆ โดยเฉพาะตอนตื่นนอน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 6–8 แก้ว)
  • รับประทานอาหารให้ครบมื้อ ไม่ปล่อยให้หิวจัด
  • นวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและไหล่
  • ฝึกการหายใจลึกๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว

  • เวียนศีรษะหรือมึนศีรษะเป็นบ่อยหรือรุนแรง
  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ หรือทรงตัวไม่ได้
  • มีอาการร่วม เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน
  • มีอาการใจสั่น เหงื่อออกมาก หรือเป็นลมบ่อย
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน



Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.