4 ระยะอาการ ข้อเข่าเสื่อม
“ข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคกระดูกและข้อที่หลายคนมักคิดว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้วสามารถเกิดได้กับทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น ยกของ เดินหรือยืนนานๆ รวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน โรคนี้เกิดจากการสึกหรอของ กระดูกอ่อนผิวข้อ ที่ทำหน้าที่ป้องกันกระดูกเสียดสีกัน เมื่อกระดูกอ่อนถูกทำลาย ข้อเข่าจึงเริ่มมีอาการปวด ติดขัด บวม และอาจโก่งผิดรูปได้ โรคข้อเข่าเสื่อมจะค่อย ๆ พัฒนาเป็น 4 ระยะ ตั้งแต่เริ่มมีอาการเล็กน้อย ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถเดินหรือลงน้ำหนักได้ หากเรารู้จักสังเกตอาการในแต่ละระยะตั้งแต่ต้น และดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยชะลอความเสื่อม ลดความเจ็บปวด และเลี่ยงการรักษาที่ซับซ้อนในอนาคตได้
4 ระยะอาการข้อเข่าเสื่อม
ระยะที่ 1 เริ่มต้น (Early Stage)
- การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนเริ่มสึกหรอเพียงเล็กน้อย ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนจากภาพเอกซเรย์
 
- อาการที่พบ :
 
- ปวดเข่าเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเวลาลุกนั่งหรือขึ้นลงบันได
 - อาจมีเสียง “กร๊อบแกร๊บ” ในข้อเข่า แต่ยังไม่รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก
 
- การดูแล :
 
- เริ่มควบคุมน้ำหนัก
 - ออกกำลังกายแบบไม่ลงน้ำหนักมาก เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
 - ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขา
 
ระยะที่ 2 เล็กน้อย (Mild Stage)
- การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนผิวข้อสึกมากขึ้น ทำให้ช่องว่างระหว่างข้อแคบลง
 
- อาการที่พบ :
 
- ปวดเข่าบ่อยขึ้นและนานขึ้น โดยเฉพาะเวลาเดินหรือยืนเป็นเวลานาน
 - เข่ามีเสียงดังชัดเจน
 - ข้อติดขัด เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
 - เริ่มเห็นความผิดรูป เช่น ขาโก่งเล็กน้อย
 
- การดูแล :
 
- ใช้การประคบร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อลดอาการปวด
 - หลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ หรือนั่งพับเพียบ
 - หากมีอาการมาก อาจใช้ยาบรรเทาปวดหรืออาหารเสริมบำรุงข้อ เช่น กลูโคซามีน
 - เริ่มพิจารณาการกายภาพบำบัด
 
ระยะที่ 3 ปานกลาง (Moderate Stage)
- การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า : กระดูกอ่อนถูกทำลายมากขึ้น จนกระดูกเริ่มเสียดสีกันโดยตรง
 
- อาการที่พบ :
 
- ปวดและอักเสบอย่างต่อเนื่อง
 - เข่าบวมจากน้ำในข้อเพิ่มขึ้น
 - ขาโก่งผิดรูปชัดเจน
 - เดินลำบาก ขึ้นลงบันไดไม่สะดวก
 - ลุกนั่งต้องใช้แรงช่วย เช่น พยุงเก้าอี้หรือจับราว
 
- การดูแล :
 
- กายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหว
 - การฉีดยาลดอักเสบหรือฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม (Hyaluronic Acid)
 - ใส่อุปกรณ์ช่วย เช่น สนับเข่า หรือไม้เท้า
 - เริ่มปรึกษาแพทย์เรื่องการผ่าตัดหากอาการรุนแรงขึ้น
 
ระยะที่ 4 รุนแรง (Severe Stage)
- การเปลี่ยนแปลงในข้อเข่า :
 
- กระดูกอ่อนถูกทำลายมากกว่า 60%
 - น้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าลดลงอย่างมาก
 - ข้อเข่าหลวมและติดขัด
 
- อาการที่พบ :
 
- ปวดมากแม้ไม่ได้ใช้งานข้อเข่า
 - ไม่สามารถลงน้ำหนักได้เต็มที่
 - เดินแทบไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็น
 - ขาโก่งหรือผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด
 
- การดูแล :
 
- มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement)
 - หลังผ่าตัดต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ
 - ดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวมให้แข็งแรงเพื่อให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น
 
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดข้อเข่าเสื่อม
- อายุที่มากขึ้น
 - น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
 - การใช้งานข้อเข่าอย่างหนัก เช่น ยกของหนัก นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ
 - การบาดเจ็บที่ข้อเข่าในอดีต
 - กรรมพันธุ์หรือโครงสร้างข้อผิดปกติ
 
วิธีป้องกันข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่เนิ่น ๆ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดแรงกดที่ลงบนข้อเข่า
 - ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว
 - หลีกเลี่ยงท่าที่ทำร้ายข้อเข่า เช่น นั่งยองๆ ขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
 - เลือกรองเท้าที่เหมาะสม มีพื้นนุ่มและรับแรงกระแทกได้ดี
 - ตรวจสุขภาพข้อเข่าเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือมีปัจจัยเสี่ยง
 
ข้อเข่าเสื่อมมีการดำเนินโรคเป็น “4 ระยะ” ตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดเล็กน้อยจนถึงขั้นที่เดินไม่ได้ หากสามารถสังเกตอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและปรับพฤติกรรม ก็จะช่วยชะลอความรุนแรงของโรคและลดโอกาสในการผ่าตัดได้