ภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง

ในชีวิตประจำวัน หลายคนมักมุ่งไปกับการทำงาน ความเครียด หรือภาระค่างๆ จนละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเอง และหนึ่งในโรคที่เงียบที่สุดแต่ร้ายแรงที่สุดก็คือ “โรคความดันสูง” เพราะในระยะแรกมักไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ หลายคนจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังป่วยอยู่ และมองข้ามการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ แต่ความเงียบนี่เองที่อันตรายที่สุด เพราะเมื่อเวลาผ่านไปความดันที่สูงเกินมาตรฐาน สามารถสะสมความเสียหายให้กับอวัยวะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ตา สมอง หัวใจ หรือไต จนเกิดโรคร้ายแรง เช่น อัมพาต หัวใจวาย ไตวาย หรือแม้แต่การสูญเสียการมองเห็น ซึ่งล้วนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ความดันโลหิตสูงคืออะไร
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการที่แรงดันของเลือดต่อผนังหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติเป็นเวลานาน โดยทั่วไปหากค่าความดันโลหิตมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ติดต่อกันหลายครั้ง ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง
โรคนี้มักถูกเรียกเป็นภัยเงียบ เพราะในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมา
ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง
- ต่อดวงตา
- ทำให้เส้นเลือดที่จอประสาทตาเปราะบางและแตกง่าย
- เกิดโรคจอตาเสื่อม (Hypertensive retinopathy)
- มองเห็นภาพไม่ชัด หรือตาบอดถาวร
- ต่อสมอง
- ความดันโลหิตสูงทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ ตัน หรือแตกได้ง่าย
- เสี่ยงต่อการเกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต
- ภาวะเลือดออกในสมอง (Hypertensive retinopathy) ซึ่งอาจรุนแรงถึงเสียชีวิต
- ต่อไต
- ความดันสูงเรื้อรังทำให้ไตทำงานหนักและเสื่อมลงเรื่อยๆ
- เสี่ยงต่อการเกิดไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease)
- บางรายอาจเข้าสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน ต้องฟอกไต หรือปลูกถ่ายไต
- ต่อหัวใจ
- ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อส่งเลือดไปทั่วร่างกาย
- เสี่ยงต่อโรคหัวใจหลอดเลือดตีบ (Coronary artery disease)
- อาจเกิด กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Heart attack)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure) ทำให้เหนื่อยง่าย หอบ หายใจไม่สะดวก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความดันโลหิตสูงรุนแรงขึ้น
- การรับประทานอาหารเค็มจัด
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ความอ้วนและการไม่ออกกำลังกาย
- ความเครียดสะสม
- พันธุกรรมหรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
วิธีดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ห้ามหยุดยาเอง
- ควบคุมอาหาร ลดเค็ม ลดของทอด เลือกกินผักผลไม้และอาหารที่มีกากใยสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- พักผ่อนเพียงพอ 7–8 ชั่วโมงต่อวัน
- เลิกสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- วัดความดันโลหิตเป็นประจำ เพื่อเฝ้าระวังและปรับพฤติกรรมได้ทันท่วงที