Bangpakok Hospital

รู้ทันเลือดออกที่ก้านสมอง ป้องกันไว้ก่อนสายเกินแก้

1 ก.ย. 2568

หลายคนอาจคุ้นชินกับคำว่า “เส้นเลือดในสมองแตก” ว่าเป็นเรื่องอันตราย แต่ เลือดออกที่ก้านสมอง (Brain Stem Hemorrhage) อันตรายยิ่งกว่า และมักถูกมองข้าม เพราะอาการเริ่มต้นไม่ได้ชัดเจนเหมือนโรคสมองทั่วไป เช่น ปวดหัวรุนแรงหรือแขนขาชา แต่กลับส่งผลต่อ การควบคุมชีวิตพื้นฐานของร่างกาย ทั้งการหายใจ การกลืน และการทรงตัว การพลาดสัญญาณเตือนแม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงสูงกว่าโรคเส้นเลือดสมองแตกหลายเท่า

ทำไมก้านสมองถึงสำคัญ

ก้านสมองเป็นจุดศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสมองกับร่างกาย หากเกิดความเสียหายหรือเลือดออกในบริเวณนี้ จะส่งผลกระทบต่อระบบร่างกายพื้นฐานโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะวิกฤตได้

  • ควบคุมการหายใจและการกลืน : ก้านสมองควบคุมกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจและการกลืน การบาดเจ็บอาจทำให้หายใจลำบากหรือกลืนอาหารไม่ได้

  • ควบคุมการทรงตัวและการเคลื่อนไหว : ระบบประสาทที่อยู่ในก้านสมองช่วยให้ร่างกายทรงตัว หากเกิดความผิดปกติจะทำให้เวียนศีรษะหรือเดินเซ

  • การเต้นของหัวใจและความดันโลหิต : ก้านสมองควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและแรงดันเลือด ความเสียหายอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติหรือความดันโลหิตตกอย่างรวดเร็ว

อัตราการเสียชีวิตสูง : หากมีเลือดออกหรือความเสียหายที่ก้านสมอง อัตราการเสียชีวิตสูงถึง 70–80% เนื่องจากอวัยวะสำคัญหลายระบบถูกควบคุมจากบริเวณนี้

อาการเบื้องต้นที่ควรสังเกต

อาการที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติของก้านสมองมักไม่ชัดเจนในช่วงแรก แต่หากสังเกตอย่างละเอียดจะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้เร็ว

  1. เวียนศีรษะและคลื่นไส้รุนแรง

    • เดินหรือยืนได้ไม่นาน (10–15 นาที) ก็เกิดอาการเวียนหัวและคลื่นไส้

    • อาจสับสนและมีปัญหาในการทรงตัว

  2. อาการทางตาที่ผิดปกติ

    • ดวงตา กระตุกหรือสั่นเองโดยไม่ตั้งใจ (Nystagmus)

    • เห็นภาพซ้อน (Diplopia) หรือมองเห็นวัตถุสองภาพ

    • ดวงตากรอกซ้ายขวาแบบผิดปกติ

  3. อาการอื่น ๆ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล

    • แพทย์อาจพบความผิดปกติของดวงตา การเคลื่อนไหวของตา หรือหัวใจเต้นผิดรูปแบบ

    • หากตรวจด้วย MRI พบเลือดออกบริเวณก้านสมอง (ขนาด 1–2 ซม.) ในศูนย์ควบคุมการหายใจหรือทรงตัว จะต้องได้รับ การรักษาเฉพาะทางทันที


กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

บางคนมีโอกาสเกิดเลือดออกที่ก้านสมองได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้

  • ผู้มีความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะหากไม่ได้ควบคุมความดันให้เหมาะสม

  • ผู้ป่วยเบาหวาน หรือมี ไขมันในเลือดสูง

  • ผู้ที่ตรวจพบความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองหรือบริเวณคอ เช่น หลอดเลือดโป่งพอง หรือหลอดเลือดตีบ

การตรวจสุขภาพประจำปี การควบคุมความดันและน้ำตาลในเลือด และการติดตามอาการของหลอดเลือด ถือเป็นวิธีป้องกันความเสี่ยงสำคัญ

การป้องกันและคำแนะนำ

  1. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

    • ตรวจความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือด

    • หากมีประวัติหลอดเลือดผิดปกติ ควรตรวจ MRI หรือ CT Scan ตามคำแนะนำแพทย์

  2. สังเกตอาการผิดปกติ

    • เวียนศีรษะรุนแรง เดินไม่ไหว

    • เห็นภาพซ้อน หรือดวงตากระตุก

    • คลื่นไส้ อาเจียน หรือหัวใจเต้นผิดปกติ

  3. รับการรักษาเฉพาะทางทันที

    • หากพบอาการหรือผลตรวจบ่งชี้เลือดออกที่ก้านสมอง ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางทันที




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.