Bangpakok Hospital

รับมือกับโรคลมชักได้ ถ้ารู้วิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง

26 มิ.ย. 2568

เคยไหม…อยู่ดีๆ คนข้างๆ ก็ล้มลงกับพื้น ตัวเกร็ง กระตุก จนคนรอบข้างตกใจทำอะไรไม่ถูก? เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียน บนรถโดยสาร ที่ทำงาน หรือแม้แต่ที่บ้านของเราเอง เพราะ โรคลมชัก ไม่ได้เลือกเวลา สถานที่ หรืออายุของผู้ป่วย แต่อาการที่เกิดขึ้นมักจะดูรุนแรงจนทำให้หลายคนตื่นตระหนก การรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้ไว้ เพราะบางครั้ง…ความช่วยเล็กๆ จากคนรอบข้าง อาจเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง

สาเหตุของโรคลมชัก

โรคลมชัก (Epilepsy) เกิดจากความผิดปกติของการทำงานในสมองส่วนหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในสมองผิดปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยแสดงอาการชักแบบต่างๆ ทั้งแบบเกร็ง กระตุก หมดสติ หรือมีอาการแปลกๆ ชั่วขณะ

 

สาเหตุของลมชัก อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น

  • กรรมพันธุ์ หรือมีประวัติโรคลมชักในครอบครัว
  • สมองได้รับบาดเจ็บ เช่น จากอุบัติเหตุ หรือการคลอด
  • เนื้องอกในสมอง
  • เส้นเลือดในสมองผิดปกติ
  • ไข้สูงในเด็กเล็ก จนกระตุ้นให้เกิดอาการชัก
  • การติดเชื้อในสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • การเลิกยา/แอลกอฮอล์กะทันหัน หรือการใช้สารเสพติด
  • ความผิดปกติทางเมตาบอลิซึม เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือโซเดียมต่ำ 

บางรายไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ (เรียกว่า idiopathic epilepsy) แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยาและการรักษาต่อเนื่อง

อาการเตือนก่อนชัก

บางคนอาจมีสัญญาณเตือนก่อนจะชัก เช่น

  • เห็นภาพซ้อน หรือแสงวูบวาบ
  • คลื่นไส้ วิงเวียน
  • รู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังจะเป็นลม

การรู้สัญญาณเตือนนี้สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหาที่นั่งหรือนอนในที่ปลอดภัยได้ทันเวลา

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลมชัก

  • ลมชักไม่ใช่โรคติดต่อ
  • ผู้ป่วยไม่ได้กลืนลิ้นตัวเอง
  • ไม่ควรจับแขนขาให้หยุดกระตุก
 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อพบผู้มีอาการชัก

  1. ตั้งสติ อย่าตกใจ พยายามตั้งสติให้ดี และดูแลให้ผู้ป่วยอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย เช่น ห่างจากของแข็ง ขอบโต๊ะ หรือพื้นที่ต่างระดับ
  1. จัดท่านอนตะแคง ช่วยพยุงผู้ป่วยให้นอนท่าตะแคงข้าง เพื่อป้องกันการสักลักน้ำลาย หรือน้ำในปาก
  1. ห้ามงัดปาก อย่าพยายามนำสิ่งใดเข้าปาก เช่น ช้อน ไม้ หรือมือ เพื่อกันการกัดลิ้น เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือหายใจไม่ออกได้
  2. คลายเสื้อผ้า ปลดกระดุม หรือคลายเสื้อผ้าโดยรอบคอ เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกยิ่งขึ่น
  1. เฝ้าดูอาการ ส่วนใหญ่อาการชักจะหยุดได้เองภายใน 2-3 นาที ไม่จำเป็นต้องพยายามหยุดการชักโดยใช้แรงกด หรือจับตัว
  1. นำส่งโรงพยาบาล เมื่อผู้ป่วยหยุดชักแล้ว ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อประเมินอาการโดยแพทย์

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหรือครอบครัว 

  • พกบัตรประจำตัวผู้ป่วยโรคลมชัก
  • แจ้งครอบครัว/โรงเรียน/ที่ทำงานให้ทราบว่าตนเป็นโรคนี้
  • กินยาอย่างสม่ำเสมอตามคำสั่งแพทย์
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น นอนดึก เครียด หรือแสงกระพริบ

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

  • ชักนานเกิน 5 นาที
  • ชักซ้ำติดๆ กัน
  • หลักชักยังไม่รู้สึกตัว
  • ชักครั้งแรกในชีวิต

โรคลมชักเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้ โดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ การที่เรามีความรู้เรื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะช่วยให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน และอาจช่วยชีวิตคนๆ หนึ่งไว้ได้


จำไว้เพียงแค่ ตั้งสติ  – ไม่งัด – ไม่ง้าง – ไม่ถ่าง — ไม่กด ก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้อย่างมั่นใจ


หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการสงสัยว่าอาจเป็นโรคลมชัก หรือมีอาการชักเกิดขึ้นบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่าลังเลที่จะเข้ารับการตรวจจากแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและการดูแลที่เหมาะสม




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.