Bangpakok Hospital

โรคผิวหนังที่ต้องระวัง ในช่วงฤดูฝน

23 มิ.ย. 2568

เมื่อฤดูฝนมาเยือน หลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปียกชื้นและแหล่งน้ำขังที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ทั้งจากฝนที่ตกต่อเนื่อง พื้นรองเท้าที่เปียกชุ่ม เสื้อผ้าที่ไม่แห้งสนิท หรือแม้แต่การเดินลุยน้ำระหว่างทาง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อ “ผิวหนัง” ซึ่งเป็นปราการด่านแรกของร่างกายในการรับมือกับเชื้อโรค ความชื้นสะสมกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เชื้อรา และแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและยังเปิดโอกาสให้แมลงพาหะต่างๆ เข้ามาสร้างปัญหาสุขภาพผิวโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ในช่วงหน้าฝนนี้โรคผิวหนังหลายชนิดพบได้บ่อยขึ้น ทั้งในเด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ มารู้จักกับโรคผิวหนังที่ต้องระวังในหน้าฝน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวของคุณตกเป็นเป้าของโรคที่มาพร้อมกับสายฝน


  1. โรคเกลื้อน (Tinea versicolor)
สาเหตุ : เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Malassezia ซึ่งเป็นเชื้อราประจำถิ่นบนผิวหนัง แต่เจริญเติบโตมากขึ้นในสภาพอากาศร้อนชื้น
อาการ : ผิวเป็นดวงสีขาว สีชมพู หรือน้ำตาลอ่อน มีขุยเล็กๆ อยู่ด้านบน อาจคันเล็กน้อย มักพบที่บริเวณอก หลัง คอ และต้นแขน
การดูแล : ใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือยารับประทาน (ในกรณีรุนแรง) ควรรักษาต่อเนื่องจนเชื้อหายสนิท

  1. โรคกลาก (Ringworm / Tinea corporis)

สาเหตุ : เชื้อรากลุ่ม Dermatophytes มักเกิดในบริเวณอับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ หรือบริเวณที่มีเหงื่อสะสม

อาการ : เป็นผื่นวงแดง ขอบยกนูน มีขุย อาจมีอาการคันมาก ผื่นมักขยายวงออกเรื่อยๆ 

การดูแล : ทำความสะอาดผิวหนัง ทายาแก้เชื้อราสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่น และไม่ระบายอากาศ


  1. โรคน้ำกัดเท้า (Trench foot / Athlete's foot)

สาเหตุ : การแช่เท้าในน้ำ หรือความชื้นนานๆ ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโต โดยเฉพาะหากสวมรองเท้าปิดตลอดทั้งวัน

อาการ : ผิวหนังบริเวณซอกนิ้วเท้าเปื่อย แดง ลอก คัน หรือแตกเป็นแผล บางรายอาจมีตุ่มพองใส

การดูแล : ทำความสะอาดเท้าให้แห้งเสมอ ทายาต้านเชื้อรา หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าชื้น หรือเดินลุยน้ำ


  1. โรคเท้าเหม็น (Bromodosis)

สาเหตุ : เกิดจากแบคทีเรียที่ย่อยสลายเหงื่อ และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สะสมในรองเท้าและถุงเท้า

อาการ : กลิ่นไม่พึงประสงค์รุนแรงบริเวณเท้า โดยเฉพาะเมื่อถอดรองเท้า มักไม่มีแผลหรือผื่นร่วมด้วย

การดูแล : ล้างเท้าให้สะอาดเป็นประจำ เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี และใช้แป้งลดกลิ่น


  1. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)

สาเหตุ : เกิดจากพันธุกรรมและปัจจัยแวดล้อม เช่น ความชื้น เหงื่อ หรือสารระคายเคือง

อาการ : ผื่นแดง คัน แห้ง ลอก ตำแหน่งที่พบบ่อยคือข้อพับ รักแร้ ซอกคอ บางรายอาจมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน

การดูแล : หลีกเลี่ยงการเกา ใช่ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น และใช้ยาทาสเตียรอยด์ตามคำแนะนำแพทย์


  1. ผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลง (Insect bite dermatitis)

สาเหตุ : ถูกแมลงกัดต่อย เช่น มด ยุง หรือแมลงที่มากับน้ำท่วม

อาการ : ผื่นแดงนูน คัน หรือเป็นตุ่มน้ำ อาจกลายเป็นแผลติดเชื้อหากเกามากหรือดูแลไม่ถูกวิธี

การดูแล : ทำความสะอาดบริเวณที่โดนกัด ใช้ยาทาแก้คัน และหลีกเลี่ยงการเกา หากมีอาการบวมแดงมาก ควรพบแพทย์


วิธีป้องกันโรคผิวหนังในหน้าฝน

  • อาบน้ำทันทีหลังเปียกฝน เพื่อชำระสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
  • ซับตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณอับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ ซอกนิ้ว
  • หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าอับชื้น เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อเปียกหรือเหงื่อออก
  • เลือกรองเท้าและถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี
  • ไม่แช่น้ำ หรือเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน
  • พบแพทย์ผิวหนังทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

หน้าฝนเป็นฤดูที่โรคผิวหนังมาเยือนโดยไม่รู้ตัว การรักษาความสะอาดและความแห้งของผิวคือกุญแจสำคัญในการป้องกัน ไม่ควรละเลยอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เพราะอาจลุกลามได้หากปล่อยไว้

หากคุณมีอาการคัน ผื่น หรือสงสัยว่าเป็นโรคผิวหนัง อย่ารอช้า ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำอย่างเหมาะสม 




Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.