ตากุ้งยิง เกิดจากอะไร

ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางและไวต่อการติดเชื้อ แม้การอักเสบเล็กน้อยที่เปลือกตาก็อาจสร้างความรำคาญ และส่งผลต่อการมองเห็นได้ หนึ่งในภาวะที่พบได้บ่อยคือ ตากุ้งยิง ซึ่งมักเริ่มจากตุ่มเล็กๆ ที่เจ็บ บวมแดง และอาจมีหนอง หากละเลยหรือดูแลไม่ถูกวิธี อาการอาจลุกลามและเรื้อรังได้ การเข้าใจถึงสาเหตุ สัญญาณเตือน และวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก
ตากุ้งยิง เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบและติดเชื้อของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา มักมีลักษณะเป็นตุ่มบวม แดง เจ็บ และอาจมีหนองภายใน โดยสาเหตุหลักมาจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Staphylococcus aureus ที่เข้าสู่ต่อมไขมันผ่านรูขุมขน หรือบริเวณที่ระคายเคือง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตากุ้งยิง
การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย หากมีพฤติกรรมหรือภาวะดังต่อไปนี้
- ใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสดวงตา
- ใส่คอนแทคเลนส์โดยไม่ได้ล้างมือก่อน
- มีภาวะเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง (blepharitis)
- ล้างเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาไม่สะอาด
- เคยเป็นตากุ้งยิงซ้ำหลายครั้ง
- มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ในผู้ป่วยเบาหวาน
การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเป็นตากุ้งยิง
หากเริ่มมีอาการของตากุ้งยิง เช่น เปลือกตาบวมแดง เจ็บ หรือมีตุ่มขนาดเล็กใกล้ขอบตา สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้ดังนี้
- ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา วันละ 3-5 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที เพื่อช่วยเปิดรูระบายของต่อมไขมัน และอดการอุดตัน
- รักษาความสะอาดใบหน้าและมือ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสดวงตา
- หลีกเลี่ยงการขยี้หรือจับตา โดยเฉพาะบริเวณที่มีตุ่ม
- ห้ามบีบหรือกดตุ่มหนองด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้เชื้อแพร่ลึกลงไปและเกิดการอักเสบรุนแรงมากขึ้น
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน ตุ่มมีขนาดใหญ่ เจ็บมาก หรือมีอาการบวมจนตาปิด ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษา อาจมีความจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ หรือระบายหนองภายใต้การดูแลของแพทย์
ตากุ้งยิงแม้จะไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่หากดูแลไม่ถูกวิธีหรือปล่อยให้เรื้อรัง ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือกลายเป็นปัญหาเรื้อรังซ้ำได้ การรักษความสะอาดและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงคือหัวใจสำคัญของการป้องกัน