Bangpakok Hospital

เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ด้วยแร่ธาตุที่จำเป็น

13 ก.ค. 2566



ความหนาแน่นของกระดูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่วัยเด็ก สู่วัยรุ่น และถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้นที่กระดูกจะดูกซึมสารอาหารและแร่ธาตุได้อย่างดีทำให้มีความแข็งแรง แต่เมื่อถึงอายุ 20 ปีปลายๆ ความหนาแน่นและความแข็งแรงของกระดูกจะลดน้อยลงตามไปด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะเสียความหนาแน่นของมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว นอกจากแคลเซียมแล้วยังมีแร่ธาตุอื่นๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกส่วนใหญ่จะมีอยู่ในอาหารทั่วไปที่เรารู้จักกันดี ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ 

แร่ธาตุที่จำเป็นต่อกระบวนการสร้างกระดูก

  1. แคลเซียม เป็นแร่ธาตุหลักสำคัญสำหรับสุขภาพกระดูกในขณะที่กระดูกแตกตัวและเติบโตขึ้นในแต่ละวันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะได้รับแคลเซียมที่เพียงพอในอาหาร วิธีที่ดีที่สุดในการดูดซึมแคลเซียมคือการบริโภคในปริมาณเล็กน้อยตลอดทั้งวัน แทนที่จะรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพียงมื้อเดียวต่อวัน และการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัย

   แหล่งแร่ธาตุแคลเซียม 

  • นม , โยเกิร์ต
  • ชีส
  • ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า
  • พืชตระกูลถั่ว
  • ปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน

  1. เหล็ก ธาตุเหล็กเป็นปัจจัยร่วมของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์คอลลาเจน ในการตรวจทางห้องปฏิบัติการธาตุเหล็กในระดับต่ำอาจทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง

   *ข้อควรระวัง : หากคุณกำลังรับประทานแคลเซียม อย่ารับประทานธาตุเหล็กในเวลาเดียวกัน เนื่องจากการศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าอาหารเสริมแคลเซียมอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก

   แหล่งแร่ธาตุเหล็ก

  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม
  • เนื้อแดง

  1. ฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ในเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของเรา ฟอสฟอรัสส่วนใหญ่อยู่ในกระดูกและฟันบางส่วนอยู่ในยีนของเรา ร่างกายจะต้องการฟอสฟอรัสเพื่อสร้างพลังงานและเพื่อดำเนินกระบวนการทางเคมีที่สำคัญมากมาย

   *ข้อควรระวัง : หากเป็นโรคไตเรื้อรังขั้นรุนแรง ไตจะหยุดทำงานและไม่สามารถกำจัดฟอสฟอรัสส่วนเกินได้ ฟอสฟอรัสอาจส่งผลต่อสุขภาพกระดูกและทำให้โรคไตแย่ลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต การบริโภคฟอสฟอรัสน้อยลงและรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมากขึ้นอาจช่วยป้องกันผลข้างเคียงของระดับฟอสฟอรัสสูงในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังอย่างรุนแรง

   แหล่งแร่ธาตุฟอสฟอรัส

  • ธัญพืช
  • ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่
  • ปลา
  • เนื้อสัตว์ปีก
  • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเลนทิล ถั่วไต ถั่วลันเตา
  • ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี
  • ผัก เช่น มันฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง

  1. สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรงที่พบได้ในเซลล์ทั่วร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัสที่รุกราน ร่างกายต้องการสังกะสีเพื่อสร้างโปรตีนและดีเอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรมในเซลล์ทั้งหมด ในระหว่างตั้งครรภ์วัยทารกและวัยเด็กร่างกายต้องการสังกะสีเพื่อเติบโตและสร้างด้านพัฒนาการอย่างเหมาะสม สังกะสียังช่วยรักษาบาดแผลและมีความสำคัญต่อการรับรู้รสและกลิ่น

   แหล่งแร่ธาตุสังกะสี 

  • ช็อกโกแลต
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม
  • นม โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์จากนม
  • พืชตระกูลถั่ว เมล็ดพืช หรือธัญพืช

  1. แมกนีเซียม มีความสำคัญต่อกระดูกที่แข็งแรง ผู้ที่รับประทานแมกนีเซียมสูงจะมีความหนาแน่นของกระดูกสูงขึ้นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของกระดูกหักและโรคกระดูกพรุน และแมกนีเซียมมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และสร้างโปรตีน กระดูก ไปจนถึงการสร้าง DNA

   แหล่งแร่ธาตุแมกนีเซียม

  • ช็อกโกแลต
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม
  • นม โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์จากนม
  • พืชตระกูลถั่ว เมล็ดพืช หรือธัญพืช

  1. โพแทสเซียม ระบบการทำงานในร่างกายต้องการโพแทสเซียมเกือบทุกระบบ เช่น การทำงานของไตและหัวใจ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการส่งกระแสประสาท รวมถึงการสร้างความหนาแน่นของกระดูกผู้ที่ได้รับโพเแทสเซียมจากผักและผลไม้ในปริมาณสูงจะมีกระดูกที่แข็งแรงกว่าผู้ที่กินในปริมาณน้อย การได้รับโพแทสเซียมน้อยเกินไปจะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้ลดแคลเซียมในกระดูกและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต

    แหล่งแร่ธาตุโพแทสเซียม

  • อะโวคาโด
  • กล้วย
  • น้ำส้ม
  • ถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเลนทิล
  • ธัญพืช
  • นมและโยเกิร์ต
  • แอปริคอตแห้ง
  • ลูกพรุน
  • ลูกเกด

  1. ทองแดง เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง นอกจากนี้ร่างกายจะใช้ทองแดงเพื่อทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง รวมถึงการสร้างพลังงานเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและหลอดเลือด ทองแดงจะช่วยรักษาระบบประสาทและภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการทำงานในระดับยีน รวมถึงการพัฒนาสมอง

   แหล่งแร่ธาตุทองแดง

  • อะโวคาโด
  • ถั่วชิกพี
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์
  • เห็ดตับวัว
  • มันฝรั่ง
  • ธัญพืช เช่น รำข้าว ข้าวสาลี
  • เต้าหู้
  • ช็อกโกแลต
  • หอยนางรม

  1. โบรอน การได้รับโบรอนในปริมาณต่ำอาจทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง การศึกษาจากสำนักงานวิทยาศาสตร์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแห่งอเมริกา (NIH Office of Dietary Supplements) ได้ศึกษาว่าโบรอนสามารถช่วยลดอาการโรคข้อเข่าเสื่อมรวมถึงการอักเสบที่ข้อเข่าได้

   แหล่งแร่ธาตุโบรอน

  • อัลมอนด์
  • ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ลูกพีช อะโวคาโด
  • กล้วย
  • ลูกเกด
  • น้ำผลไม้ เช่น น้ำองุ่น น้ำลูกพรุน
  • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วลันเตา
  • มันฝรั่ง
  • ผัก เช่น บรอกโคลี ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ
 
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.