Bangpakok Hospital

ภาวะวูบหมดสติ สัญญาณเตือนบอกโรคร้าย

11 พ.ค. 2566


ภาวะวูบหมดสติ (Syncope) เป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลงชั่วขณะ ทำให้สมองขาดออกซิเจนชั่วคราวจะมีลักษณะอาการเฉพาะ คือ หมดสติเฉียบพลัน เกิดขึ้นชั่วขณะในระยะเวลาอันสั้นและสามารถฟื้นคืนสติเองได้ จะแสดงออกทางอาการหลากหลาย เช่น เรียกไม่รู้สึกตัว ล้มลมกับพื้น ทรงตัวไม่อยู่ อาจมีอาการเกร็งที่มือ เท้า ตาค้างชั่วขณะ เหงื่อออกที่ใบหน้า ซึ่งผู้ป่วยจะจำเหตุการณ์ตอนหมดสติไม่ได้ โดยจะมีระยะเวลาการหมดสติตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 5 นาที ขึ้นกับสุขภาพพื้นฐานเดิมของผู้ป่วย

ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการนำมาก่อนเกิดอาการวูบหมดสติ เช่น รู้สึกหวิวๆ มึนศรีษะ โคลงเคลง ตาพร่า หรือเห็นแสงแวววาบ ปลายมือ ปลายเท้าเย็น คลื่นไส้ อาการวูบไม่รู้ตัวเป็นเรื่องที่อันตรายมากในกลุ่มคนที่ต้องทำงานบนที่สูง หรือผู้ที่ต้องขับรถ

สาเหตุอันตรายของการเกิดภาวะวูบหมดสติ

  1. เกิดจากโรคหัวใจโดยตรง เช่น
  • หลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ลิ้นหัวใจตีบ
  • หัวใจเต้นผิดจังหวัดทั้งชนิดเร็วและช้า
  • กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวผิดปกติ , ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
  • กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ
  1. เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ซึ่งมักพบตามหลังสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง เช่น 
  • หลังไอ จาม เบ่ง
  • ยืนนานๆ ในที่แออัด หรืออากาศร้อน
  • กลัวการเจาะเลือด 
  • หลังออกกำลังกาย
  1. เกิดจากการเสียเลือด หรือขาดน้ำ เช่น 
  • ท้องเสียรุนแรง หรือมีเลือดออกในอวัยวะภายใน
  1. เกิดจากยาบางชนิด โดยเฉพาะ
  • ยาความดันโลหิตสูง 
  • ยารักษาต่อมลูกหมาก 
  • ยาต้านอาการซึมเศร้า 
  • ยาเบาหวาน

เมื่อพบผู้ป่วยหมดสติ ควรทำอย่างไร

ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ดังนี้

  • ให้ผู้ป่วยนอนราบกับพื้นที่สะอาด ปลอดภัย
  • ไม่มุงดู เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก
  • ตะแคงศีรษะไปด้านข้าง ป้องกันลิ้นตก
  • ถ้ากำลังรับประทานอาหารอยู่ มีอาหารในปาก มีฟันปลอมอยู่ ควรใช้ผ้าล้วงเศษอาหารออกจากปาก และถอดฟันปลอมได้ ให้ช่วยถอดฟันปลอม
  • เรียกรถฉุนเฉิน หรือนำส่งโรงพยาบาล

วิธีป้องกันอาการหน้ามือ วูบ หมดสติ

  • หมั่นตรวจสุขภาพประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง การรู้ว่ามีโรคประจำตัวหรือมีอาการผิดปกติอะไร จะช่วยให้เราพร้อมรับมือกับอาการผิดปกติได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับอายุ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่หักโหมเกินไป
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน (ควรดื่มให้ได้ 8-13 แก้ว/วัน)
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และนอนหลับให้เป็นเวลาอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง/วัน
  • ถ้ากินยาเป็นประจำ แล้วทำให้หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์





Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.