Bangpakok Hospital

บอกลาปัญหาผิวเสีย จากมลภาวะที่ต้องเผชิญ

28 ต.ค. 2565

ในแต่ละวันทุกคนต่างต้องเผชิญกับมลภาวะมากมาย เช่น ฝุ่นควัน ละออง ไอน้ำต่างๆ ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลเสียต่อผิวพรรณของเรา แม้ว่าจะใส่หน้ากากป้องกันแล้วก็ตาม

และยิ่งไปกว่านั้น การใส่หน้ากากอนามัยทำให้สิวขึ้นง่ายกว่าเดิม วันนี้แอดมินจึงมีวิธีการป้องกันผิว เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพผิวที่ดี และกระจ่างใสอยู่เสมอ


มลภาวะทางอากาศทำร้ายผิวอย่างไร

หนังกำพร้า ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้กับเนื้อเยื่อชั้นอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อใดที่รับมลภาวะทางอากาศ มันจะเข้าไปทำร้ายผิวหน้าโดยเริ่มจากการทำลายชั้นผิว ผ่านการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชัน ถึงแม้ผิวหนังของเราจะมีเกราะป้องกันโดยธรรมชาติอยู่แล้วก็ตาม แต่การได้รับมลภาวะเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ 

 

สัญญาณร้ายต่อผิวเมื่อได้รับมลภาวะเป็นเวลานาน

  • เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
  • ทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้เกิดรอยดำ
  • เพิ่มการอักเสบของสิวที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ผลกระทบของมลภาวะต่อผิวหนัง มีความแตกต่างกันตามสภาพผิวหนังของแต่ละคน

  • สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย สิ่งเจือปนในอากาศจะเข้าสู่รูขุมขนพร้อมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ความมัน เหงื่อ จะนำไปสู่การอุดตันรูขุมขน และสิวอุดตัน
  • สำหรับผิวแก่ก่อนวัย ารรวมกันของรังสียูวีและมลภาวะ จะไปทำลายเซลล์ที่แข็งแรงและลดความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองของผิว ขัดขวางการเชื่อมกันของคอลลาเจนและอีลาสติน จนทำให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย

วิธีป้องกัน

  • ทำความสะอาดผิว ควรทำความสะอาดผิวทุกวันในตอนเช้าและเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นอย่างอ่อนโยน
  • ใช้โทนเนอร์หลังจากทำความสะอาดผิว เป็นสิ่งจำเป็นที่หลายคนมักละเลย เพราะการใช้โทนเนอร์ที่มีค่า pH ที่เหมาะสมจะช่วยปรับสภาะผิวให้เป็นกลางและพร้อมต่อการบำรุงในลำดับถัดไป ทั้งนี้โทนเนอร์ที่ใช้ควรอ่อนโยนต่อผิว ช่วยลดปัญหาผิวเสีย ช่วยขจัดน้ำมัน และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ตกค้างบนผิวหน้า
  • การทาครีม หรือ เซรั่ม การทาครีมระหว่างวัน และตอนกลางคืน เป็นการเพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์ให้แก่ผิว โดยเฉพาะการนำวิตามินกลับคืนสู่สภาพผิว เพื่อสร้างเกราะป้องกันและส่งเสริมการต้านอนุมูลอิสระ
  • ปกป้องใบหน้าด้วยครีมกันแดด ควรใช้ครีมกันแดดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีค่า SPF ที่เหมาะสม เพื่อการปกป้องผิวอย่างเต็มที่ รวมถึงปกป้องผิวจากแสงแดด
  • เสริมความแข็งแรงให้กับผิวด้วยวิตามินที่จำเป็น ได้แก่ วิตามิน E ,C และ B และสารต้านอนุมูลอิสระ สิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาผิวที่ถูกทำลายและรักษาภูมิคุ้มกันผิวให้แข็งแรง ซึ่งวิตามินเหล่านี้ได้จากการรับประทานอาหารเสริม หรืออาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว บีทรูท ออริกาโน แอปเปิ้ล อะโวคาโด บลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว
  • รักษาความชุ่มชื่นของผิว ด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน เพื่อช่วยลดอาการขาดน้ำ อาการอักเสบ ระคายเคืองผิว และยังช่วยล้างสารพิษในระบบร่างกาย
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.